จีนยกเลิกไฟลต์บินเกินครึ่ง ธุรกิจชงวาระด่วน-แก้เกมยอดติดลบ

จีนยกเลิกไฟลต์บินเกินครึ่ง ธุรกิจชงวาระด่วน-แก้เกมยอดติดลบ



ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติ 5 เดือนอยู่ในแดนลบ จีนติดลบ 32.85% ลามขยายวงถึงฮ่องกง-ไต้หวัน-สิงคโปร์ หนำซ้ำไฟลต์บินจากจีนเตรียมยกเลิก-เช่าเหมาลำ 68% เบนเข็มเที่ยวเวียดนาม สะเทือนธุรกิจค้าปลีก บริการ จ้างงานหด-รายได้ลด-ปิดตัว 7 สมาคมท่องเที่ยวกุมขมับ รวมตัวร่อนหนังสือด่วนขอความช่วยเหลือนายกฯ “อิ๊งค์” ชงใช้วาระทางการทูต 50 ปีไทย-จีน ดึงผู้นำจีนถกผู้นำธุรกิจไทย ของบฯ หนุนเที่ยวบินพิเศษ 1,000 เที่ยว นายกฯ รับลูกอัดงบฯ ประเดิมยอด 1.57 แสนล้าน ลงทุนเสริมซ่อม 5 ด้าน

แหล่งข่าวในธุรกิจการท่องเที่ยวเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาพรวมการท่องเที่ยวของไทยในช่วง 5 เดือนแรก (มกราคม-พฤษภาคม) มีอัตราการเติบโตแบบติดลบประมาณ 3% โดยตลาดในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือตลาดระยะใกล้ (Short Haul Market) ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดในเชิงจำนวนนักท่องเที่ยวราว 75% มีอัตราการเติบโตติดลบประมาณ 10% และเชื่อว่าจะยังย่อตัวลดลงต่อเนื่องในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมนี้ เนื่องจากยังเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของภาคการท่องเที่ยวของไทย

“แม้ว่าที่ผ่านมาตลาดระยะไกล หรือ Long Haul Market ในหลาย ๆ ตลาดจะมีอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างดี แต่ด้วยขนาดของตลาดที่ยังเล็ก หรือมีจำนวนนักท่องเที่ยวไม่มากนัก จึงทำให้ตลาดรวมยังคงติดลบต่อเนื่องอยู่” แหล่งข่าวกล่าว

ยอดลดลามฮ่องกง-ไต้หวัน-สิงคโปร์

ดร.อดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) เปิดเผยว่า ตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่ชะลอตัว นอกจากจะเป็นปัญหาใหญ่ของภาพรวมการท่องเที่ยวของประเทศแล้ว ขณะนี้ปัญหาเริ่มลามไปสู่ตลาดที่ใช้ภาษาจีน อาทิ ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์แล้ว ซึ่งหากไม่ได้รับการฟื้นฟูแก้ไขโดยเร่งด่วนอาจส่งผลกระทบหนักและในวงกว้างมากขึ้น

โดยในส่วนของนักท่องเที่ยวจีนนั้น ปัจจุบันยังคงเดินทางเข้าไทยในปริมาณที่ลดลง สวนทางกับการเติบโตของตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางไปต่างประเทศ นอกจากนี้ มีแนวโน้มว่าเที่ยวบินมาประเทศไทยกำลังจะถูกยกเลิกเพิ่มอีก โดยเฉพาะเที่ยวบินเช่าเหมาลำที่มีแนวโน้มยกเลิกถึง 68% เนื่องจากขาดทุนต่อเนื่อง และบางส่วนได้ย้ายเส้นทางไปยังเวียดนามซึ่งมีผลประกอบการที่ดีกว่า

“ปัญหาของไทยยังคงเป็นประเด็นเรื่องความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยที่ลดลง รวมถึงภาพลักษณ์เรื่องยาเสพติดที่ผลกระทบภาพลักษณ์ในวงกว้าง จนในปัจจุบันมีสัญญาณการแจ้งเตือนนักท่องเที่ยว หรือ Travel Warning ในหลายประเทศ เช่น แคนาดา ออสเตรเลีย มาเลเซีย ทำให้นักท่องเที่ยวรวมถึงสายการบินตัดสินใจยกเลิก หรือเปลี่ยนจุดหมายปลายทางไปยังประเทศอื่น” ดร.อดิษฐ์กล่าว

7 ส.ท่องเที่ยวยื่นหนังสือด่วนถึงนายกฯ

ดร.อดิษฐ์กล่าวว่า ล่าสุดเมื่อเย็นวันที่ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมา สมาคมท่องเที่ยวจำนวน 7 สมาคม ประกอบด้วย สมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (ATTA), สมาคมโรงแรมไทย, สมาคมสมาพันธ์สปาแอนด์เวลเนสไทย, สมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทย, สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ, สมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย และสมาคมสมาพันธ์ท่องเที่ยวชลบุรี ได้ยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี (นางสาวแพทองธาร ชินวัตร) เพื่อรายงานสถานการณ์และนำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา ทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะยาว 2-4 ปี

ทั้งนี้ เพื่อให้ภาคการท่องเที่ยวของประเทศกลับมาฟื้นตัวโดยเร็ว และสามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่งได้ในอนาคต ประกอบด้วย 1.เสนอให้ดำเนินการทางการทูต โดยเชิญผู้นำระดับสูงสุดของจีนมาเยือนไทยในงานเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ครบรอบ 50 ปี ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2568

2.การจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลเชิงบวก ความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวทั่วโลก 3.ยกระดับมาตรการความปลอดภัย เพื่อสร้างความร่วมมือภาคเอกชนและชุมชน เพื่อสร้างภาพลักษณ์เชิงประจักษ์บนเวทีโลก 4.ทบทวนมาตรการวีซ่าฟรี เหลือระยะเวลาพำนักไม่เกิน 15 วัน 5.มาตรการสนับสนุนเที่ยวบินพิเศษ หรือ Charter Flight (งบประมาณ 500 ล้านบาท) จำนวน 1,000 เที่ยวบินพิเศษมาไทย ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มนักท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 200,000 คน สร้างรายได้กว่า 10,000 ล้านบาท

รวมถึงสนับสนุน Roadshow ของผู้ประกอบการที่ประเทศจีนและตลาดจีนอื่น ๆ รวมถึงตะวันออกกลาง รัสเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย สนับสนุนการจัดงาน World Tourism Forum เพื่อแสดงศักยภาพการเป็นผู้นำอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโลก ให้เป็นเวทีสำหรับผู้เกี่ยวข้องทั่วโลก และเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออำนวยความสะดวกภายในประเทศ โดยเฉพาะที่สนามบินสำคัญให้มีมาตรฐานใกล้เคียงสุวรรณภูมิ เพื่อเชื่อมโยงการเดินทางจากสนามบินเข้าเมือง หรือแหล่งท่องเที่ยวเป้าหมาย และตั้งคณะทำงาน Tourism Risk Management

“การลดลงของนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของไทย ส่งผลกระทบต่อ Tourism Ecosystem อย่างกว้างขวาง ทั้งผู้ประกอบการ ภาคการผลิต ค้าปลีก การบริการ รวมถึงการจ้างงาน ในวงกว้าง เห็นได้จากข่าวผู้ประกอบการในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญทยอยปิดกิจการเพราะมีรายได้ลดลง” ดร.อดิษฐ์กล่าว

โรงแรมใหญ่หั่นราคากดรายเล็ก

ดร.อดิษฐ์กล่าวด้วยว่า การลดลงอย่างหนักและลากยาวของตลาดจีน ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ ทำให้ผู้ประกอบการไทยบางส่วนจำเป็นต้องลดราคา โดยเฉพาะโรงแรมใหญ่ที่ต้องแข่งขันด้านราคากับโรงแรมขนาดกลางและเล็กเพื่อความอยู่รอด ซึ่งอนาคตอาจนำไปสู่การล้มหายตายจากของธุรกิจและปัญหาการจ้างงานในวงกว้าง

สำหรับแผนระยะกลางและระยะยาว (2-4 ปี) นั้น ทาง 7 สมาคมท่องเที่ยวได้เสนอให้รัฐบาลปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการท่องเที่ยว เพื่อลดความซับซ้อน และอุปสรรคต่อระบบ Tourism Ecosystem จัดตั้งกองทุน/ธนาคารเพื่อการท่องเที่ยว จัดตั้ง Thailand Tourism Data and Al Technology Center และสนับสนุนให้ภาคการท่องเที่ยวไทยลดการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างชาติ

5 เดือนจีนติดลบ 32.85%

ด้านนางสาวภัทอนงค์ ณ เชียงใหม่ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-26 มีนาคม 2568 ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมทั้งสิ้นประมาณ 13.9 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (Short Haul Market) รวม 9.07 ล้านคน ติดลบ 10.65% เมื่อเทียบกับปี 2567 และคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 32.11% ของเป้าหมายปี 2568 ที่ตั้งไว้ 28.26 ล้านคน

ทั้งนี้ หากจำแนกรายได้ในฟากของตลาดระยะสั้น พบว่าเอเชียตะวันออกติดลบ 22.94% อาเซียน ติดลบ 4.63% ส่วนตลาดเอเชียใต้เติบโตเพิ่มขึ้น 16.53% และโอเชียเนีย (Oceania) เติบโตเพิ่มขึ้น 15.42%

โดย 10 ตลาดแรกที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุดคือจีน จำนวน 1.9 ล้านคน ติดลบ 32.85% รองลงมาคือมาเลเซีย จำนวน 1.8 ล้านคน ติดลบ 5.39% อินเดีย จำนวน 0.94 ล้านคน เติบโต 16.45% เกาหลีใต้ จำนวน 0.65 ล้านคน ติดลบ 16.37% ญี่ปุ่น จำนวน 0.43 ล้านคน เติบโต 11.16% ไต้หวัน จำนวน 0.41 ล้านคน ติดลบ 2.55% ลาว จำนวน 0.40 ล้านคน ติดลบ 17.47% อินโดนีเซีย จำนวน 0.35 ล้านคน เติบโต 0.20% สิงคโปร์ จำนวน 0.34 ล้านคน เติบโต 0.96% และออสเตรเลย จำนวน 0.32 ล้านคน เติบโต 15.8%

แบ่งงบฯ 1.57 แสนล.ปั๊มท่องเที่ยว

หลังจากเอกชนยื่นหนังสือร้องเรียน พร้อมข้อมูลตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ติดลบอย่างหนักในวันถัดมา นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ได้เรียกประชุมผู้บริหารกระทรวงที่เกี่ยวข้องด่วน ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

หลังการประชุมนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า ได้ติดตามความคืบหน้าเรื่องการท่องเที่ยวไตรมาสแรก เครื่องยนต์เศรษฐกิจหลักของประเทศเป็นรายได้หลัก ขณะนี้มีงบประมาณในการกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้าน เพื่อลงทุนอัดฉีดด้านการท่องเที่ยว ด้วยการปรับปรุงสถานที่ เพิ่มเทคโนโลยี กิจกรรมที่สร้างประสบการณ์ใหม่ให้นักท่องเที่ยว ผลักดันให้เกิดผลทางเศรษฐกิจ

นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า จากการติดตามสถานการณ์และประเมินผลอย่างใกล้ชิด จะมีการสนับสนุน 5 ด้าน คือประชาสัมพันธ์และการสร้างภาพลักษณ์ความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว, การอำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยว, โครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนท่องเที่ยว, และการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในปัจจุบันและอนาคต

ประเดิมงบฯ 1.57 แสนล้าน

ด้านนายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยภายหลังร่วมประชุม ว่าได้รายงานความคืบหน้าของทุกกระทรวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวที่ต้องทำงานบูรณาการร่วมกัน รวมถึงตัวเลขนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนลดลง แต่รายได้เข้าประเทศยังสูงขึ้น ประกอบกับนักท่องเที่ยวที่มาจากตลาดระยะไกล ทั้งตลาดยุโรป ตลาดอเมริกา เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

“นายกรัฐมนตรีมอบนโยบายที่จะใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้าน สร้างความเชื่อมั่น ทำให้นักท่องเที่ยวมีความสะดวกสบาย มีความปลอดภัยมากขึ้น”

นอกจากนี้ ยังได้ติดตามงานของเมืองหลักและเมืองรอง ที่ของบฯ กระตุ้นเศรษฐกิจ โดยกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ของบประมาณโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง จะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ทำแพลตฟอร์มที่จะให้ผู้ประกอบการและคนไทยทุกคนที่สนใจได้ลงทะเบียน คาดว่าจะใช้ได้ในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้

อ่านข่าวต้นฉบับ: จีนยกเลิกไฟลต์บินเกินครึ่ง ธุรกิจชงวาระด่วน-แก้เกมยอดติดลบ