“ร้อนขนาดนี้ เปิดแอร์ทั้งวันเลยดีไหม?” หรือ “ถ้าแค่จะออกไปข้างนอกแป๊บเดียว ปิดแอร์ดีกว่าหรือเปล่า?” นี่คือคำถามยอดฮิตที่วนเวียนอยู่ในใจใครหลายคน โดยเฉพาะเมื่อบิลค่าไฟมาเยือน ความเชื่อเรื่องการใช้แอร์ให้ประหยัดไฟนั้นมีหลากหลาย บ้างก็ว่าเปิดยาวๆ ไปเลยประหยัดกว่า บ้างก็ว่าต้องคอยเปิดๆ ปิดๆ สิถึงจะดี แล้วตกลงแบบไหนกันแน่ที่ช่วยเซฟเงินในกระเป๋าและยังคงความเย็นสบาย? บทความนี้จะพาคุณไปไขทุกข้อสงสัย พร้อมทำความเข้าใจการทำงานของเครื่องปรับอากาศ เพื่อการใช้งานอย่างชาญฉลาดและประหยัดไฟอย่างแท้จริง! ซึ่ง Sanook Hitech จะมาตอบคำถามนี้
“พลังงานตอนเปิดใหม่” VS “การรักษาระดับอุณหภูมิ”
หัวใจสำคัญที่ทำให้เกิดคำถามนี้คือ ลักษณะการใช้พลังงานของเครื่องปรับอากาศ โดยมี 2 ปัจจัยหลักที่ต้องพิจารณา:
-
พลังงานมหาศาลช่วง “สตาร์ทเครื่อง”: ลองนึกภาพเครื่องยนต์ที่ต้องใช้แรงมหาศาลในการออกตัว เครื่องปรับอากาศก็เช่นกัน โดยเฉพาะส่วน “คอมเพรสเซอร์” ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการทำความเย็น จะกินไฟมากที่สุดในช่วงที่เริ่มทำงานใหม่แต่ละครั้ง เพื่อดึงอุณหภูมิห้องที่ร้อนจัดให้ลดลงมาถึงระดับที่เราตั้งไว้ การเปิดๆ ปิดๆ แอร์บ่อยครั้ง จึงหมายถึงการปลุกคอมเพรสเซอร์ให้ลุกขึ้นมาทำงานหนักซ้ำแล้วซ้ำเล่า
-
พลังงานที่น้อยกว่าในการ “รักษาระดับอุณหภูมิ”: เมื่อห้องของเราเย็นได้ที่ตามต้องการแล้ว คอมเพรสเซอร์จะไม่ต้องทำงานหนักเท่าตอนแรกอีกต่อไป มันจะลดการทำงานลง (โดยเฉพาะในแอร์ระบบ Inverter) เพื่อเพียงแค่ “ประคอง” หรือ “รักษาระดับ” อุณหภูมินั้นให้คงที่ ซึ่งใช้พลังงานน้อยกว่าการเริ่มต้นทำความเย็นจากศูนย์อย่างมาก
รู้จัก “เทคโนโลยีอินเวอร์เตอร์ (Inverter)” ตัวเปลี่ยนเกมการประหยัดพลังงาน
เพื่อให้เข้าใจเรื่องนี้ได้ลึกซึ้งขึ้น เราต้องรู้จักกับเทคโนโลยีสำคัญในแอร์ยุคใหม่ นั่นคือ ระบบอินเวอร์เตอร์ (Inverter)
- แอร์ระบบอินเวอร์เตอร์: เปรียบเหมือนนักวิ่งมาราธอนที่รู้จักผ่อนแรง เมื่ออุณหภูมิห้องใกล้ถึงจุดที่ตั้งไว้ คอมเพรสเซอร์ของแอร์อินเวอร์เตอร์จะค่อยๆ ลดรอบการทำงานลง แต่ไม่หยุดทำงานสนิท ทำให้สามารถรักษาระดับอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำและสม่ำเสมอ การทำงานแบบนี้ช่วยลดการกระชากไฟจากการสตาร์ทเครื่องซ้ำๆ และประหยัดพลังงานได้มากกว่าในระยะยาว
- แอร์ระบบธรรมดา (Fixed Speed หรือ Non-Inverter): เปรียบเหมือนนักวิ่งระยะสั้นที่วิ่งเต็มสปีดแล้วหยุดพัก คอมเพรสเซอร์จะทำงานเต็มกำลังจนอุณหภูมิถึงจุดที่ตั้งไว้แล้วตัดการทำงาน เมื่ออุณหภูมิห้องสูงขึ้นก็จะเริ่มทำงานใหม่เต็มกำลังอีกครั้ง เป็นวัฏจักรการตัด-ต่อที่ใช้พลังงานสูงในช่วงสตาร์ทแต่ละครั้ง
หลักการที่จะทำประหยัดไฟได้
เมื่อพิจารณาจากหลักการทำงานและเทคโนโลยีแล้ว โดยทั่วไป สำหรับสถานการณ์ส่วนใหญ่ (โดยเฉพาะถ้าคุณใช้แอร์ระบบ Inverter และจะอยู่ในห้องนั้นต่อเนื่องเป็นเวลานาน) การ “เปิดแอร์ทิ้งไว้ตลอดช่วงที่ใช้งาน ที่อุณหภูมิเหมาะสมและคงที่ (เช่น 25-26 องศาเซลเซียส)” มักจะประหยัดพลังงานมากกว่าการ “เปิดๆ ปิดๆ แอร์ถี่ๆ”
เหตุผลก็คือ การเปิดทิ้งไว้ช่วยลดการสตาร์ทเครื่องของคอมเพรสเซอร์ซ้ำๆ ซึ่งเป็นช่วงที่กินไฟสูง และเมื่อห้องเย็นแล้ว แอร์ (โดยเฉพาะ Inverter) จะใช้พลังงานน้อยลงในการรักษาระดับอุณหภูมิ
แล้วเมื่อไหร่ที่ “การปิดแอร์” คือคำตอบที่ใช่?
แน่นอนว่าการเปิดแอร์ทิ้งไว้ตลอดเวลาไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดในทุกสถานการณ์ การปิดแอร์ย่อมประหยัดกว่าอย่างชัดเจนในกรณีที่คุณ:
- ออกจากห้องเป็นระยะเวลานาน: เช่น ออกไปทำงานทั้งวัน (8-10 ชั่วโมง), ออกไปเรียน, หรือไม่อยู่บ้านหลายวัน การปิดแอร์คือวิธีประหยัดไฟที่ดีที่สุด
“พื้นที่สีเทา” เมื่อคุณแค่ “แวบ” ออกไปทำธุระแป๊บเดียว
นี่คือจุดที่หลายคนตัดสินใจยาก ถ้าคุณออกจากห้องแค่ช่วงสั้นๆ (เช่น 30 นาที ถึง 1-2 ชั่วโมง) จะทำอย่างไรดี?
- ถ้าเป็นแอร์ Inverter และห้องมีฉนวนกันความร้อนพอใช้ได้: การเปิดแอร์ทิ้งไว้ที่อุณหภูมิเดิม หรือปรับอุณหภูมิให้สูงขึ้นเล็กน้อย (เช่น จาก 25°C เป็น 27-28°C) อาจจะยังคงดีกว่าการปิดแล้วเปิดใหม่ เพราะห้องยังไม่ทันร้อนขึ้นมากนัก และแอร์ไม่ต้องเริ่มกระบวนการทำความเย็นหนักหน่วงอีกครั้ง
- ถ้าห้องร้อนเร็วมาก หรือเป็นแอร์ Non-Inverter: การปิดไปเลยอาจจะดีกว่า แต่ต้องยอมรับว่าเมื่อกลับมาเปิดใหม่ แอร์จะต้องทำงานหนักขึ้นอีกครั้ง
เคล็ด(ไม่)ลับใช้แอร์ให้ “เย็นกาย สบายกระเป๋า” สไตล์คนยุคใหม่
ไม่ว่าคุณจะเลือกเปิดยาวหรือเปิดๆ ปิดๆ ลองนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปปรับใช้ เพื่อการประหยัดไฟสูงสุด:
- เลือกแอร์ให้ถูกประเภท: ถ้าเป็นไปได้ เลือกใช้แอร์ระบบ Inverter ที่มีค่า SEER (Seasonal Energy Efficiency Ratio) สูงๆ
- ตั้งอุณหภูมิให้ “พอดี”: 25-27 องศาเซลเซียส คือช่วงอุณหภูมิที่แนะนำ เย็นสบายและไม่เปลืองไฟเกินไป
- พัดลมคือเพื่อนซี้: เปิดพัดลมช่วยกระจายความเย็น จะทำให้รู้สึกเย็นสบายขึ้นได้โดยไม่ต้องลดอุณหภูมิแอร์ลงต่ำมาก
- ล้างแอร์ ล้างฟิลเตอร์ คือวินัย: หมั่นล้างแผ่นกรองอากาศด้วยตัวเองทุก 2-4 สัปดาห์ และเรียกช่างมาล้างแอร์ใหญ่ทุก 6 เดือน แอร์ที่สะอาดทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและกินไฟน้อยลง
- ปิดประตูหน้าต่างให้สนิท: อย่าให้อากาศเย็นรั่วไหล และอากาศร้อนเล็ดลอดเข้ามา
- ลดแหล่งความร้อนในห้อง: หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ปล่อยความร้อนสูง (เช่น เตารีด, ไดร์เป่าผม) ในห้องที่เปิดแอร์
- ใช้ม่านกันแสงแดด: ในช่วงกลางวันที่มีแดดจัด การใช้ม่านช่วยลดความร้อนที่เข้ามาในห้องได้มาก
เปิดแอร์ทั้งวัน vs เปิดๆปิดๆ แบบไหนประหยัดไฟ
ดังนั้น การที่จะตอบว่าเปิดแอร์แบบไหนประหยัดไฟกว่ากันนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งประเภทของเครื่องปรับอากาศ ระยะเวลาที่ใช้งาน ลักษณะของห้อง และพฤติกรรมการใช้งานของเราเอง แต่โดยหลักการแล้ว การหลีกเลี่ยงการทำให้คอมเพรสเซอร์ต้องสตาร์ททำงานหนักบ่อยครั้ง และการรักษาระดับอุณหภูมิให้คงที่เมื่อห้องเย็นแล้ว คือกุญแจสำคัญของการประหยัดพลังงาน หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจและเลือกใช้วิธีที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณได้ดียิ่งขึ้นนะครับ!
อ่านข่าวต้นฉบับ เปิดแอร์ทั้งวัน กับ เปิดๆปิดๆ แบบไหนประหยัดไฟหรือกินไฟมากกว่ากัน